การฉายรังสีอัลตราไวโอเลตในเลือดคืออะไร?เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าแสงอาทิตย์สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาโรคติดเชื้อ และทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า การฉายรังสีอัลตราไวโอเลตในเลือดใช้พลังการบำบัดรักษาของแสงอาทิตย์ใส่เข้าไปในกระแสเลือดโดยตรง เกิดผลทางโฟโตเคมี ชีวเคมี และสรีรวิทยาซึ่งที่ประโยชน์ต่อโรคต่างๆ ในช่วงทศวรรษที่ 1940 และ 1950 การฉายรังสีอัลตราไวโอเลตในเลือด (UVBI) ถูกนำมาใช้เป็นประจำเพื่อรักษาอาการป่วย เช่น วัณโรค การติดเชื้อ มะเร็ง และปอดบวม อย่างไรก็ตาม เมื่อยาปฏิชีวนะเป็นที่นิยมในการแพทย์แผนปัจจุบัน การใช้รังสียูวีบีก็ลดลง ปัจจุบัน ผู้คนเริ่มดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ทำให้ธรรมชาติบำบัดและรังสี UVBI เป็นที่ต้องการมากขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นอีกครั้ง ประโยชน์ของ UVBIUVBI ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์หลายประการกับโรคและภาวะสุขภาพต่างๆ⦁ เพิ่มการไหลเวียนโดยการขยายหลอดเลือด⦁ ฆ่าเชื้อรา ไวรัส และแบคทีเรีย⦁ ช่วยเพิ่มการดูดซึมออกซิเจนเข้าสู่เนื้อเยื่อของร่างกาย⦁ เพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับการติดเชื้อ⦁ ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษและขจัดสารพิษ⦁ ปรับปรุงการไหลเวียนและลดการรวมตัวของเกล็ดเลือด ประโยชน์ของ UVBIUVBI...

≋ ร่างกายของเรา ≋ 1. หากมีอาการคันที่คอ : ให้เกาหู การกดทับเส้นประสาทของหูจะทำให้เกิดการสะท้อนกลับที่ลำคอในทันที ซึ่งทำให้เกิดอาการกระตุก และบรรเทาอาการไม่สบาย 2. หากคุณมีอาการคัดจมูก : กดเพดานปากและส่วนบนของจมูก กดเพดานปากด้วยลิ้นอย่างแรงและใช้นิ้วจับจมูกไว้ใต้คิ้ว สิ่งนี้ทำให้สารคัดหลั่งเคลื่อนที่และคุณสามารถหายใจได้ 3. เมื่อคุณมีอาการเสียดท้อง ให้นอนตะแคงซ้าย : ซึ่งช่วยให้เกิดมุมระหว่างกระเพาะอาหารกับหลอดอาหารได้ เพื่อไม่ให้กรดผ่านเข้าไปในลำคอได้ 4. เมื่อฟันเจ็บ ให้เอาน้ำแข็งประคบมือ : คุณต้องส่งน้ำแข็งผ่านบริเวณรูปตัว “v” ที่เกิดขึ้นระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของฝ่ามือ ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดลง 50% เนื่องจากส่วนนี้เชื่อมต่อกับตัวรับความเจ็บปวดที่ใบหน้า 5. เมื่อคุณถูกไฟไหม้ ให้กดนิ้วลงบนแผล : หลังจากทำความสะอาดบริเวณที่ได้รับผลกระทบแล้ว ให้ใช้มือกดบริเวณที่ไหม้ เพราะจะทำให้อุณหภูมิกลับสู่อุณหภูมิเริ่มต้นและป้องกันไม่ให้เกิดแผลพุพอง (สำหรับแผลไหม้เล็กน้อย)...

สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวบนโลกที่แม้ว่าคุณจะทิ้งเขาไปนานแค่ไหน เขาก็จะรอคุณไปตลอดชีวิต.. เทวดาสี่ขา ❛ หมาของเรา ❜ เทวดา-นางฟ้า 4 ขา มีภารกิจทางจิตวิญญาณเพื่อมนุษยชาติ พวกเขาเป็นนักบำบัดอารมณ์ชั้นหนึ่ง เขาจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เมื่อคุณเศร้า และไม่ลังเลที่จะเลียหน้าตา เนื้อตัว มือ หรือแม้กระทั่งเท้าของคุณ เพื่อดูดซับความเครียด ความกังวลวุ่นวายที่สั่นสะเทือนออกมาจากอารมณ์ และกายทิพย์ของคุณ บางครั้งเขาทำงานคนเดียว แต่บางครั้งพวกเขาก็ทำงานกันเป็นกลุ่ม บางครั้งเขาทำงานตรงเฉพาะบุคคลคนเดียว คือผู้เป็นนายที่รัก และบางครั้งเขาทำงานให้กับทุกคนในครอบครัว ซึ่งอย่างหลังนี้เป็นเรื่องปรกติที่ครอบครัวจะเลี้ยงหมา เพื่อเป็นเพื่อนรักสี่ขาที่ซื่อสัตย์และปกป้องกันและกัน แต่มีความลับเบื้องหลังความสัมพันธ์ของมิตรภาพที่ซื่อสัตย์นี้ เทวดา 4 ขา คือเทวดาผู้พิทักษ์รักษาใจ พวกเขาจะดูดซับพลังงานจากช่องว่าง และการสั่นสะเทือนที่ไม่สมดุลของคุณ และเขาจะชำระออกด้วยแสงแดดและผืนหญ้า ( นี่คือเหตุผลว่าคุณควรให้หมาของคุณได้วิ่งเกลือกกลิ้งบนสนามหญ้าท่ามกลางแสดงแดดบ่อย ๆ ) พวกเขาจะเสียสละตัวเองเพื่อให้คุณได้มีพลังและการสั่นสะเทือนที่เข้มแข็ง...

Radionics เป็นเทคนิคการรักษาโดยศาสตร์ที่เป็นธรรมชาติของเรา ถูกนำมาใช้เพื่อค้นหาสิ่งรบกวนที่มีพลังงานแฝงอยู่ในความเจ็บป่วย และส่งเสริมการกลับมาของสนามพลังงานที่ปกติ สนับสนุนสุขภาพร่างกายที่ดี ไม่ขึ้นกับระยะทางระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับผู้ป่วย สามารถค้นพบปัจจัยที่ก่อให้เกิดความไม่สมดุลภายในระบบที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ พืช หรือดิน พลังงานบำบัดที่เหมาะสมสามารถนำไปใช้เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพที่เหมาะสม ต้นกำเนิดของ Radionics นั้นมาจากแพทย์ชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียง ดร.อัลเบิร์ต อับรามส์ (1863 – 1924) แห่งซานฟรานซิสโก และนับตั้งแต่นั้นมาก็ได้รับการพัฒนาโดยนักวิจัยและตัวแทนอื่นๆ มากมาย เช่น Ruth Drown, George de la Warr, T. Galen Hieronymus , Malcolm Rae and David Tansley. อย่ามอง...

โลกสวย คิดบวก ไม่ใช่การหลอกตัวเอง แต่..เป็นการยอมรับทุกสิ่งในรูปแบบและสถานการณ์ที่มันเป็น และวางใจ… ว่าทั้งหมดเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดำเนินไปเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และดับไปเป็นวัฎจักรปรกติของจักรวาล จงเปิดหัวใจรับพรตลอดการเดินทางของชีวิต ถ้าคุณรู้สึกเศร้า คุณกําลังอยู่ในอารมณ์ที่ตกต่ำดำดิ่ง จงยอมรับมัน จงอยู่กับความรู้สึกนั้น อย่ารังเกียจผลักไส แต่จงโอบกอดพลังงานที่ล้อมรอบตัวคุณด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ แผ่ความรักเมตตาให้ตนเองอย่างสุดซึ้ง จดจ่อที่ความสงบเงียบ จักรวาลคือความเงียบ คุณจึงต้องเงียบสงบแล้วจะได้สัมผัสรับพร และคำตอบอันศักดิ์สิทธิ์จากจักรวาล วันแห่งแสงอันสดใสกำลังจะมาถึงความเชื่อของคุณ คือทุกสิ่งของคุณความเชื่อของคุณ คือชะตาชีวิตของคุณ ความเชื่อของคุณ สร้างความเป็นจริงของคุณ ความเชื่อของคุณ คือคุณ คือทั้งหมดของคุณ จงมั่นใจและวางใจ อย่ากังวล อย่าหงุดหงิด อย่าเครียด หรือตื่นตระหนก หวั่นกลัว สรรพสิ่งมีจังหวะภายใต้กฎแห่งจักรวาล ระเบียบอันศักดิ์สิทธิ์กำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา เมื่อจังหวะมาถึง แสงอันสดใสจะสาดส่องมาสู่ชะตาชีวิตของคุณ...

มิติโลกเนื้อหนัง คือการจับคู่ความถี่ ความถี่ของเรา คือ ความจริงของเรา ณ.ปัจจุบันขณะนั้น และสะท้อนกำทอนไปถึงอดีตและอนาคต ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรมการกระทำ คือความถี่ที่สั่นสะเทือนแผ่ออกไปเชื่อมโยงกันไปทั้งหมดผ่านสนามคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เซลล์ อวัยวะทั้งหมด มีการสั่นสะเทือนในรูปแบบของตนเองอย่างเป็นเอกลักษณ์ เราทั้งหมด มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงของเรา ผ่านการสั่นสะเทือนของเรา หรือคลื่นความถี่ที่เราแผ่ออกไปจับคู่ความถี่ที่เหมือนกันเข้ามา เรียกว่าการดีงดูด คือกฎแห่งการเสกสร้าง ที่หลายคนเรียกว่า “ปาฎิหาริย์” เมื่อเราโกรธ เกลียด อิจฉา เราสั่นสะเทือนที่คลื่นความถี่ต่ำ และแผ่กัมมันตภาพรังสีผ่านสนามแม่เหล็กไฟฟ้าออกไป จับคู่ กับความถี่ระดับต่ำเสมอกันเข้ามาสู่กระแสจิตกระแสชีวิต เกิดเป็นชะตาอันโชคร้ายนานับประการ ตับ ไต เกิดความถี่ผิดเพี้ยน ก่อเกิดโรคร้ายตามมา เมื่อเรารัก และ เมตตา เราสั่นสะเทือนคลื่นความถี่สูงสุดออกไป ส่งกระแสออกไปสู่สนามแม่เหล็กไฟฟ้า...

หลักการของจิต (The Universe is Mental, the All is Infinite Mind, ซึ่งเป็นความจริงขั้นพื้นฐาน และการก่อกำเนิดของจักรวาลทั้งหมด) ☛ หลักการโต้ตอบ ( เบื้องล่างเป็นเช่นไร-เบื้องบนย่อมเป็นเช่นนั้น และสิ่งที่อยู่เบื้องบนก็เหมือนกับสิ่งที่อยู่เบื้องล่างโดยไม่ผิดเพี๊ยน ตามสัจธรรมของความเป็นหนึ่งของจักรวาล ) ☛ หลักการสั่นสะเทือน (ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ทุกสิ่งเคลื่อนไหวและสั่นสะเทือน) ☛ หลักการของขั้ว (ทุกอย่างเป็นคู่ มีขั้ว และคู่ตรงข้าม) ☛ หลักการของจังหวะ (ทุกสิ่งมีกระแสน้ำ การขึ้น ๆ ลง ๆ ของมัน ลูกตุ้มจะแกว่งไปทางขวาและซ้าย เท่าๆ กัน )...

“เด็กโอเอซิส ” และ ” เด็กอาจารย์” ลูกที่มีปัญหามากที่สุด คือคนที่มีความคล้ายกับคุณมากที่สุด ทุกครอบครัวที่มีลูกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะมีเด็กที่เรียกว่า “เด็กโอเอซิส” และ “เด็กอาจารย์” เสมอ “เด็กโอเอซิส ” คือเด็กเลี้ยงง่าย ไม่สร้างปัญหา มีความสัมพันธ์สั่นพ้องกับครอบครัวเป็นบวก “เด็กอาจารย์” คือผู้มาเปลี่ยนความคิด ทำให้ชีวิตกลับหัวกลับหาง เขานำความเปลี่ยนแปลง ความเป็นผู้ใหญ่ การเรียนรู้เพื่อการเติบโตของจิตวิญญาณมาสู่เรา ทำให้เราต้องอ่านหนังสือ อบรม บำบัด เข้าคอร์สบรรยายสัมนา สวดมนต์ภาวนา เพื่อหาทางบำบัดรักษาจากพระวิญญาณเบื้องสูง เขาจะพาเราไปใกล้ชิดกับวิญญาณเบื้องสูงของเรามากขึ้น ละลายอัตตาขอความช่วยเหลือ แนะนำจากจิตวิญญาณเบื้องสูงของเรา ตามเหตุกำเนิดประสบการณ์กรรมของเรา การเป็นพ่อแม่ “เด็กอาจารย์” เหล่านี้เป็นเรื่องยาก ที่เรามักคิดว่าพวกเขาผิด...

“คิดอะไรได้สิ่งนั้น” ทุกสรรพสิ่งล้วนมีพลังชีวิตและจิตสำนึกของตนเอง ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่มันเป็นเช่นนั้นและเป็นสัจธรรม อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก คำพูด รอยขีดเขียน ภาพวาด ภาพถ่าย ล้วนมีชีวิตและรอยพลังงาน จักรวาลบันทึกข้อมูลพลังงานนั้นเกิดเป็นแรงกระตุ้น ตอบสนองต่อทุกความต้องการที่ออกอากาศออกไปสู่สนามพลังงานสากลอย่างใกล้ชิด และไม่มีข้อความใดตกหล่น การสื่อสารกับจักรวาล หรือจิตวิญญาณเบื้องสูง คือการสื่อสารผ่านกระแสจิต ที่แปลจากความคิดความรู้สึกที่เข้มข้น ส่งสัญญาณแผ่ออกมาในรูปของคลื่นความถี่ ทั้งหมดที่เป็นเราก็คือคลื่นความถี่ที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง ภายใต้พฤติกรรมซ้ำๆ คิดซ้ำๆ พูดซ้ำๆ อธิษฐานซ้ำๆ หรือการพร่ำบ่นซ้ำๆ ก็เช่นกัน ยิ่งทำซ้ำเท่าไหร่ รอยพลังงานยิ่งชัดมากเท่านั้น ชะตาชีวิตจึงดำเนินไปตามรอยทางซ้ำๆ ของเขาวงกตแห่งโชคชะตา ชะตาชีวิตเกิดขึ้นจากคำสั่งของจิตใต้สำนึก ไม่ว่าจะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม ยิ่งคิดว่ายาก ก็ยิ่งเจอแต่เรื่องยากๆ ยิ่งเรื่องมากจู้จี้ยิ่งเจอแต่ปัญหา ยิ่งบ่นลำบากยิ่งดึงดูดความยากลำบาก ยิ่งให้ออกไปมากเท่าไหร่ยิ่งมีผู้ให้กลับมากเท่านั้น จึงเรียกว่า...

ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงกลางศตวรรษที่ 20 นักวิ่งอันดับหนึ่งของกรีฑาต้องวิ่งเป็นระยะทาง 4 นาที หลายคนฝึกฝนและพยายาม นักวิทยาศาสตร์เริ่มบอกว่า ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถแสดงพลังงานในระดับนั้นได้ มันเป็นไปไม่ได้ อันตรายมากหากคิดจะทำ นักกีฬาพยายามและเข้าใกล้เขตเวลาก่อน 4 นาทีมากขึ้น แต่ก็เกินไปทุกครั้ง พวกเขาจึงเริ่มคิดว่า นักวิทยาศาสตร์พูดถูก บางคนที่เชื่อว่ามันอาจเป็นไปได้ โดยบอกว่ามันอาจเกิดขึ้นได้เฉพาะในวันที่แดดจ้าถึง 68 องศา ไม่มีลม บนเส้นทางดินเหนียวแห้ง และมีฝูงชนจำนวนมากโห่ร้องส่งเสียงเชียร์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 ที่เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ทำลายกำแพง 4 นาทีด้วยเวลา 3:59 นาที เขาทำมันในวันที่อากาศหนาวเย็น บนทางเปียกชื้น...