ประโยชน์ของการบำบัดด้วยเสียงทุกประเภทต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ได้รับการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสนามพลังชีวภาพ ทั้งพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่วัดได้ และพลังงานชี่ หรือพลังชีวิตที่ละเอียดอ่อนตามแนวการแพทย์แผนตะวันออก เช่น การแพทย์อายุรเวทและการแพทย์แผนจีน
คลื่นเสียงบำบัดที่สร้างขึ้นด้วยเสียงรูปแบบต่างๆ มีมากมาย รวมถึงการอาบน้ำฆ้อง ส้อมเสียง ติงซา ขันธิเบต ชามคริสตัล และการสวดมนต์ สามารถแทรกซึมผ่านชั้นต่างๆ ของสนามชีวภาพหรือสนามพลังงานของมนุษย์ สร้างผลกระทบการเปลี่ยนแปลงผ่านการสั่นสะเทือน ที่เกิดจากทั้งสมองส่วนกายภาพและสภาวะอารมณ์ที่ฝังรากลึก
เสียงสร้างผลสะท้อนที่น่าทึ่งเมื่อถูกส่งผ่านไปยังทุกระดับชั้นของร่างกาย ทำให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างจิตใจและร่างกายได้อย่างชัดเจน ในระดับง่ายที่สุด การฟังเพลงที่ยกระดับจิตใจ หรือร้องเพลงเพิ่มกำลังใจของตัวเองจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น เพิ่มระดับพลังงาน และทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก
ความสำคัญของจังหวะ
เราตอบสนองต่อจังหวะชีวิตในชีวิตประจำวันของเรา รูปแบบการนอนของเรานั้นต้องเป็นไปตามจังหวะชีวภาพ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นไปตามแสงแดดเพื่อให้มีสุขภาพดีและเป็นประโยชน์ นับตั้งแต่มีไฟฟ้าและแสงประดิษฐ์ที่เชื่อถือได้ จังหวะตามธรรมชาติของเราดูเหมือนจะถูกละเลยไปเกือบหมดในชีวิตสมัยใหม่ มนุษย์อย่างเราชอบแบ่งเวลาให้สามารถจัดการได้ตั้งแต่วินาที ไปจนถึงศตวรรษ
ลองถามนักวิ่งหรือผู้ออกกำลังกายจ็อกกิ้งดู พวกเขาจะบอกว่าเมื่อพวกเขาพบจังหวะซ้ำๆ ของตัวเองแล้ว พวกเขาจะรู้สึกเหมือนกับว่า พวกเขาสามารถออกกำลังกายต่อไปได้ไม่รู้จบ ลองนึกถึงความนิยมของเปลและเก้าอี้โยก คือตัวอย่างของจังหวะที่พบเห็นได้ในวัฒนธรรมของเราที่มีมากมายจนนับไม่ถ้วน
ทำไมต้องตีกลอง?
การตีกลองอาจเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของเสียงจังหวะ มนุษย์เราใช้ชีวิตอยู่กับจังหวะ ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม หัวใจของเราเต้นเป็นจังหวะที่แน่นอน และนี่คือเสียงแรกที่ทารกในครรภ์รับรู้ได้ในครรภ์ ดังนั้น การตีกลองจึงเป็นปฏิกิริยาดั้งเดิมต่อจังหวะ เมื่อเรารู้สึกว่าเสียงเหล่านี้ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย จังหวะซ้ำที่มีความสอดคล้องแสดงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงสำหรับมนุษย์ และการตีกลองยังส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และสรีรวิทยาของเราอีกมากมาย
พลังงานที่เป็นจังหวะช่วยฟื้นฟูระบบประสาท สร้างสมดุลสมองทั้งสองซีก สามารถฟื้นฟูทักษะการเคลื่อนไหวและฟื้นคืนความมีชีวิตชีวา จังหวะที่สม่ำเสมอของการตีกลองช่วยผ่อนคลายได้ดีและช่วยเสริมการรักษา และความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว และสร้างพลังงานเชิงบวก ด้วยเหตุนี้กลองจึงเป็นเครื่องมือบำบัดเยียวยาที่สำคัญในกลุ่มวัฒนาธรรมพื้นเมืองโบราณทั่วโลก
การตีกลองกระตุ้นให้สมองของเราเข้าสู่ภาวะสมาธิ ส่งผลให้ร่างกายผ่อนคลายอย่างล้ำลึก ภาวะนี้จะทำให้ร่างกายเริ่มกระบวนการบำบัดรักษาตัวเองได้
การใช้กลองเพื่อรักษาตัวเอง
การตีกลองมีผลดีมากต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ช่วยลดระดับความเครียดและลดผลกระทบไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากระบบประสาทซิมพาเทติก เช่น การผลิตอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล นี่เป็นสิ่งที่ทราบกันมานานหลายศตวรรษโดยวัฒนธรรมต่างๆ และเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมการรักษา หรือการบำบัดทางพลังงานต่างๆมากมาย ตัวอย่างเช่น Cherokee Medicine Wheel เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของแนวคิดที่ชนเผ่าพื้นเมืองจำนวนมากทั่วโลกใช้
วงล้อถูกใช้เป็นสัญลักษณ์พลังธรรมชาติของชีวิต วงล้อนี้ผสมผสานแนวคิดเรื่องความสมดุลซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของกระบวนการบำบัด เทียบได้กับปรัชญาหยินหยางของจีนที่ระบุว่า ความสามัคคีระหว่างพลังตรงข้ามกันนั้นมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพ ไม่เพียงแต่ของปัจเจกบุคคลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโลกโดยรวมด้วย
จังหวะที่เราใช้ในการตีกลองนั้น พบได้ในธรรมชาติการขึ้นลงของกระแสน้ำ การหมุนรอบตัวเองของดวงอาทิตย์ และการเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์ ภูมิปัญญาเหล่านี้พบได้ทั่วไปในการบำบัดด้วยเสียงในวัฒนธรรมต่างๆ การเรียนรู้ที่จะตีกลองเอง รวมถึงการสัมผัสกับเสียงต่างๆ ที่ผู้ปฏิบัติสร้างขึ้น ถือเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการมีส่วนร่วมในกระบวนการบำบัดตนเอง
การตีกลองสนับสนุนสุขภาพสมองให้สุขภาพดี
เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การสแกน MRI ช่วยให้มองเห็นภาพได้ว่า การเรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรีช่วยกระตุ้นสมองแทบทุกส่วน การตีกลองเป็นวิธีหนึ่งที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดในแง่นี้ เพราะเราทุกคนมีแนวโน้มที่จะเคาะจังหวะ และเราไม่จำเป็นต้องอ่านโน้ตเพลงหรือมีอุปกรณ์ราคาแพงเพื่อให้ได้รับประโยชน์
สมองของเรามีความสามารถที่น่าทึ่งในการปรับโครงสร้างตัวเอง โดยการสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทใหม่ระหว่างเซลล์สมอง (เซลล์ประสาท)
การตั้งเป้าหมายให้ตัวเองสร้างจังหวะที่จดจำได้ จะช่วยให้คุณสร้างความเชื่อมโยงใหม่ๆ ในสมอง และเปลี่ยนโครงสร้างภายในของการเชื่อมโยงที่มีอยู่เดิมได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณกำลังพยายามเปลี่ยนกระบวนการคิดจากเชิงลบเป็นเชิงบวก
การฝึกซ้อมตีกลองเป็นประจำส่งผลต่อฮิปโปแคมปัส ซึ่งมีความสำคัญต่อความจำและการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังเป็นที่ที่เซลล์สมองใหม่เติบโต ดังนั้นการใช้มือที่ไม่ถนัดตีจังหวะระหว่างฝึกซ้อม จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองและสร้างเซลล์ประสาทใหม่ให้เติบโต
การตีกลองช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โครงการวิจัยต่างๆ ได้แสดงให้เห็นว่า การตีกลองสามารถนำไปใช้ปรับปรุงการทำงานทางสังคมและรักษาภาวะสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล การติดยา ความก้าวร้าว และอาการ PTSD ได้อย่างประสบความสำเร็จ การวิจัยล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับแนวทางองค์รวมในการเชื่อมโยงระหว่างสมอง จิตใจ และร่างกาย กำลังยกระดับความเป็นไปได้ของการตีกลองไปสู่อีกระดับหนึ่ง
การตีกลองช่วยให้สมองของเราเข้าสู่ภาวะสมาธิ ซึ่งส่งผลให้ผ่อนคลายอย่างล้ำลึก ภาวะนี้จะทำให้ร่างกายของเราเริ่มกระบวนการรักษาที่จำเป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของสภาพร่างกาย หรือปัญหาทางอารมณ์และสุขภาพจิต
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อคุณทำสมาธิที่จุดโฟกัส (เช่น คำ สิ่งของ หรือรูปแบบจังหวะ) สมองของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอย่างล้ำลึกและสามารถสร้างสายสัมพันธ์ใหม่ได้เนื่องจากความสามารถในการปรับเปลี่ยนระบบประสาท ประสบการณ์ของเรา และสิ่งที่เราทำกับจิตใจจะเปลี่ยนสารเคมีในสมองของเรา และทำให้วงจรในสมองเกิดการปรับเปลี่ยนใหม่ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนระบบประสาทในเชิงบวกจะช่วยชะลอกระบวนการชราของสมอง เพิ่มความสามารถในการรับรู้ ปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดี และเสริมสร้างพลังสมองโดยรวม ในทางกลับกัน หากเราใช้เวลาอยู่กับรูปแบบความคิดเชิงลบหรือทำลายล้างมาบ้าง การเล่นกลองสามารถขจัดสิ่งอุดตันที่เราสร้างขึ้นให้กับตัวเองได้ และช่วยให้เรารักษาตัวเองได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการตีกลองยังช่วยเพิ่มการผลิตคลื่นสมองอัลฟ่าและธีตา รวมถึงการซิงโครไนซ์คลื่นสมอง นำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่มขึ้น ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย
ใช้พลังภายในตัวคุณเพื่อสร้างสรรค์และสนุกสนาน
การตีกลองเป็นกิจกรรมที่สนุกเพลิดเพลินอย่างล้ำลึก คุณสามารถเริ่มต้นเส้นทางการบำบัดด้วยเสียงได้ ด้วยเสียงกลองบำบัดที่มีประโยชน์มากมายหลายด้าน รวมทั้งช่วยปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ออกมาในการเล่น
