Follow us on
ทฤษฎีไข่ ของแอนดี้ เวียร์ The Egg Theory : Andy Weir

ทฤษฎีไข่ ของแอนดี้ เวียร์ The Egg Theory : Andy Weir

ประสบการณ์ของมนุษย์ส่งผลกระทบต่อบุคคลในแบบเฉพาะตัว ก่อให้เกิดอารมณ์และปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน ประสบการณ์ที่แตกต่างกันทำให้ชีวิตต่างกัน และที่สำคัญคือ “สิ่งที่ไม่รู้” ในชีวิต กลายเป็นเรื่องท้าทายที่จะจินตนาการและเข้าหา

หากวันหนึ่ง..ความเครียดจากการกลัวสิ่งที่ไม่รู้หายไป คุณจะรู้สึกดีขึ้นหรือแย่ลง ถ้าฉันบอกคุณว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวในชีวิตของคุณคือการดำรงอยู่ เพื่อซึมซับประสบการณ์ของอารมณ์ต่างๆ และโอบกอดสัมผัสกับเวลาแห่งชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคุณอย่างเต็มที่ Andy Weir ผู้ส่งสารทฤษฎีไข่ เขาพยายามส่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายดวงวิญญาณของชีวิตมนุษย์ ถึงเรา..

ทุกครั้งที่คุณพูดคุยกับคนอื่น คุณก็กำลังพูดคุยกับตัวตนอีกเวอร์ชั่นของตัวเอง
ทุกครั้งที่คุณช่วยเหลือใคร คุณก็กำลังช่วยเหลือตัวตนอีกเวอร์ชันของตัวเอง
ทุกครั้งที่คุณเอาเปรียบหรือคดโกง หลอกลวงผู้อื่น คุณก็กำลังทำให้ตัวเองเจ็บปวด

ทุกครั้งที่คุณดูถูกคนอื่น ดุ ด่า วิจารณ์ เสียดสีใคร นั่นก็คือภาพสะท้อนจากใจคุณเอง ที่กระทำกับตัวคุณเอง
ทุกครั้งที่คุณโอบกอด บอกรัก ให้กำลังพลังใจแก่ใคร นั่นคือคุณได้โอบกอดบอกรักเห็นคุณค่าตัวเอง
เพราะทั้งหมดคือคุณ มีแค่คุณ แค่คุณเท่านั้น...

คุณมีตัวตนอยู่มากมายนับไม่ถ้วน และจะมีตัวตนของคุณอีกนับไม่ถ้วนไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนกว่าคุณจะสะสมประสบการณ์ อารมณ์ ความเจ็บปวด และความสำเร็จทั้งหมดที่มีได้ เมื่อนั้นเท่านั้นคุณจึงจะสามารถกลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบ และบริสุทธิ์ที่สุดของตัวเองได้ คุณเคยเป็นจักรพรรดิโรมัน รวมถึงราษฎรทุกคน คุณเคยถูกขับไล่จากสังคม และยังเป็นคนรังเกียจคนอื่นอีกด้วย คุณได้ชนะและแพ้สงครามในเวลาเดียวกัน ทาส โสเภณี นักบวช ขอทาน ราชินี คุณคือทุกคนทั้งหมดที่เคยมีมา และทุกคนที่นั่น...จะยังคงเป็นต่อไป

จุดประสงค์ของวิญญาณมนุษย์คือการเรียนรู้และซึมซับ เพื่อซึมซับความรู้และภูมิปัญญาที่ได้รับในแต่ละชีวิต เมื่อได้สัมผัสประสบการณ์ของมนุษย์ทุกประการแล้ว คุณก็สามารถก้าวข้ามชีวิตทางกายภาพ และนำทางวิญญาณดวงต่อไปผ่านการกลับชาติมาเกิดใหม่

ทฤษฎีไข่สร้างความเชื่อมโยงที่เป็นรูปธรรมระหว่างชีวิตมนุษย์ทุกชีวิต เน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงกันของมนุษยชาติ หากทุกคนปฏิบัติต่อผู้อื่นราวกับว่ากำลังส่องกระจก โลกนี้คงจะแตกต่างไปจากเดิมมาก หากทุกคนเข้าใจว่าทุกสิ่งรอบตัวคือภาพสะท้อนออกจากตัวเองทั้งหมด เราก็คงตั้งใจอย่างมีสติสัมปชัญญะที่จะสะท้อนแต่สิ่งดีงาม ความใจดี มีเมตตา ความชื่นชม กำลังใจ ความเห็นอกเห็นใจ ส่งออกไปถึงตัวเราเองในทุกเวอร์ชั่น เมื่อตัวเราเปลี่ยน ภาพสะท้อนรอบตัวเราก็เปลี่ยน คนรอบๆ ตัวก็เปลี่ยน ครอบครัวเปลี่ยน ชุมชนเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ทั้งหมดของทั้งหมดล้วนเกิดจากเรา.. แค่นั้นเลย

ทฤษฎีไข่ The Egg Theory
โดย : แอนดี้ เวียร์ Andy Weir
( เป็นเรื่องสั้นที่ได้รับความนิยมมาก ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ กว่า 30 ภาษา กล่าวถึงชายวัย 48 ปีผู้ค้นพบ "ความหมายของชีวิต" หลังจากเสียชีวิต)

Image link

คุณกำลังเดินทางกลับบ้านเมื่อคุณเสียชีวิต

เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่มีอะไรน่าตกใจเป็นพิเศษ แต่ก็ถึงแก่ชีวิต คุณทิ้งภรรยาและลูกสองคนไว้ข้างหลัง เป็นการเสียชีวิตอย่างไม่เจ็บปวด เจ้าหน้าที่ EMTพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะช่วยชีวิตคุณ แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างกายของคุณแหลกสลายแล้ว

และนั่นคือตอนที่คุณได้พบกับฉัน

“เกิดอะไรขึ้น?” คุณถาม “ฉันอยู่ที่ไหน?”

ฉันพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “คุณตายแล้ว” ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอ้อมค้อม

“มี…รถบรรทุกคันหนึ่งและมันลื่นไถล…”

“ใช่แล้ว” ฉันกล่าว

“ฉัน… ฉันตายแล้วเหรอ?”

“ใช่ แต่ไม่ต้องรู้สึกแย่ไปหรอก ทุกคนก็ต้องตาย” ฉันพูด

คุณมองไปรอบๆ ไม่มีอะไรเหลืออยู่ มีเพียงคุณและฉัน
“นี่คืออะไร” คุณถาม “นี่คือชีวิตหลังความตายหรือเปล่า”

คุณมองไปรอบๆ ไม่มีอะไรเหลืออยู่ มีเพียงคุณและฉัน
“นี่คืออะไร” คุณถาม “นี่คือชีวิตหลังความตายหรือเปล่า”

“ประมาณนั้น” ฉันกล่าว

“คุณเป็นพระเจ้าใช่ไหม” คุณถาม

“ใช่” ฉันตอบ “ฉันคือพระเจ้า”

“ลูกๆ ของฉัน… ภรรยาของฉัน” คุณพูด

“แล้วพวกเขาล่ะ?”

“พวกเขาจะโอเคมั้ย?”

ฉันพูดว่า “นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากเห็น คุณเพิ่งเสียชีวิต และความกังวลหลักของคุณคือครอบครัวของคุณ นั่นเป็นเรื่องดี”

คุณมองฉันด้วยความฉงน สำหรับคุณแล้ว ฉันดูไม่เหมือนพระเจ้า ฉันแค่ดูเหมือนผู้ชาย หรืออาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ อาจเป็นบุคคลที่มีอำนาจคลุมเครือก็ได้ ดูเหมือนครูโรงเรียนประถมมากกว่าพระเจ้า

“อย่ากังวลเลย” ฉันพูด
“พวกเขาจะไม่เป็นไร ลูกๆ ของคุณจะจดจำคุณว่าสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน พวกเขาไม่มีเวลาที่จะเกลียดคุณ ภรรยาของคุณจะร้องไห้ออกมาภายนอก แต่ภายในใจลึกๆ เธอจะโล่งใจ ถ้าจะให้ยุติธรรม ชีวิตแต่งงานของคุณกำลังพังทลาย หากจะให้ปลอบใจ เธอคงรู้สึกผิดมากที่รู้สึกโล่งใจ”

คุณพูดว่า “โอ้ แล้วตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะได้ไปสวรรค์หรือลงนรกหรืออะไร”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” ฉันพูด “คุณจะต้องกลับชาติมาเกิดใหม่”

“อ๋อ” คุณพูด “ดังนั้นชาวฮินดูจึงพูดถูก”

ฉันกล่าวว่า “ศาสนาทุกศาสนามีความถูกต้องในแบบของตัวเอง จงเดินไปกับฉัน”

คุณเดินตามเราไปเรื่อยๆ ขณะที่เราก้าวผ่านความว่างเปล่า “เราจะไปไหนกัน?”

ฉันบอกว่า “ไม่ได้ไปที่ไหนเป็นพิเศษ แค่เดินเล่นไปพลางคุยกันไปก็สนุกแล้ว”

“แล้วประเด็นคืออะไร” คุณถาม
“เมื่อฉันเกิดใหม่ ฉันก็จะเป็นเพียงกระดานชนวนเปล่าใช่ไหม? เด็กทารก ดังนั้นประสบการณ์ทั้งหมดและทุกสิ่งที่ฉันทำในชีวิตนี้จึงไม่มีความหมาย”

“ไม่ใช่อย่างนั้น!” ฉันพูด
“คุณมีความรู้และประสบการณ์จากชาติที่แล้วทั้งหมดอยู่ในตัวคุณ เพียงแต่คุณจำมันไม่ได้ในตอนนี้”

ฉันหยุดเดินแล้วจับไหล่คุณไว้ “จิตวิญญาณของคุณนั้นยิ่งใหญ่ สวยงาม มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ จิตใจของมนุษย์สามารถบรรจุได้เพียงเศษเสี้ยวเล็กกระจิ๊ดของสิ่งที่คุณเป็นอยู่เท่านั้น มันเหมือนกับการจุ่มปลายนิ้วลงในแก้วน้ำเพื่อดูว่ามันร้อนหรือเย็น คุณใส่ส่วนเล็กๆ ของตัวเองลงไปในภาชนะ และเมื่อคุณนำมันออกมา คุณก็จะได้รับประสบการณ์ทั้งหมดที่มันเคยมี

“คุณอยู่ในร่างมนุษย์มาเป็นเวลา 48 ปีแล้ว ดังนั้นคุณจึงยังไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย และสัมผัสถึงจิตสำนึกอันยิ่งใหญ่ที่เหลืออยู่ หากเราอยู่ที่นี่นานพอ คุณจะเริ่มจดจำทุกอย่างได้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำเช่นนั้นระหว่างแต่ละช่วงชีวิต”

“แล้วฉันกลับชาติมาเกิดใหม่กี่ครั้งแล้ว?”

“โอ้ เยอะแยะมากมาย และหลากหลายชีวิต” ฉันพูด
“คราวนี้ คุณจะเป็นสาวชาวนาชาวจีน ในปีค.ศ. 540”

“เดี๋ยวนะ อะไรนะ” คุณพูดติดขัด
“คุณจะส่งฉันย้อนเวลากลับไปงั้นเหรอ”

“เอาล่ะ ฉันเดาว่าในทางเทคนิค เวลาตามที่คุณรู้จักนั้นมีอยู่แค่ในจักรวาลของคุณเท่านั้น สิ่งต่าง ๆ ในสถานที่ที่ฉันมาจากนั้นแตกต่างออกไป”

“คุณมาจากไหน” คุณถาม

“แน่นอน” ฉันอธิบาย “ฉันมาจากที่ไหนสักแห่ง ที่อื่น และยังมีคนอื่นที่เป็นเหมือนฉัน ฉันรู้ว่าคุณคงอยากรู้ว่าที่นั่นเป็นยังไง แต่พูดตามตรง คุณคงไม่เข้าใจหรอก”

“โอ้” คุณพูดอย่างผิดหวังเล็กน้อย “แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าฉันกลับไปเกิดที่อื่นเมื่อถึงเวลา ฉันคงได้โต้ตอบกับตัวเองในสักวันหนึ่ง”

“แน่นอน มันเกิดขึ้นตลอดเวลา และเมื่อชีวิตทั้งสองรับรู้เพียงอายุขัยของตัวเอง คุณก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้น”

“แล้วจุดประสงค์ของทั้งหมดนี้คืออะไร?”

ฉันถาม “คุณกำลังถามหาความหมายของชีวิตจากฉันจริงๆเหรอ นั่นมันดูเป็นแบบแผนไปหน่อยไหม”

“นี่เป็นคำถามที่สมเหตุสมผล” คุณยังคงยืนกราน

ฉันมองเข้าไปในดวงตาของคุณ “ความหมายของชีวิต เหตุผลที่ฉันสร้างจักรวาลทั้งหมดนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้คุณได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่”

“คุณหมายถึงมนุษยชาติเหรอ? คุณต้องการให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่เหรอ?”

“ไม่ใช่ คุณคนเดียวเท่านั้น ฉันสร้างจักรวาลนี้ขึ้นมาเพื่อคุณ ในแต่ละชีวิตใหม่ คุณจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และมีสติปัญญาที่ยิ่งใหญ่ขึ้น”

“แค่ฉันคนเดียวเหรอ แล้วคนอื่นล่ะ?”

“ไม่มีใครอีกแล้ว” ฉันพูด “ในจักรวาลนี้ มีเพียงคุณและฉันเท่านั้น”

คุณจ้องมองฉันอย่างว่างเปล่า “แต่ผู้คนบนโลกทั้งหมด…”

“คุณทุกคน ทุกตัวตนของคุณ”

“เดี๋ยวนะ ฉันคือทุกคน !?”

“ตอนนี้คุณเข้าใจแล้ว” ฉันพูดพร้อมกับตบหลังด้วยความยินดี

“ฉันเป็นมนุษย์ทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”

“หรือใครที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป..ก็ใช่”

“ฉันคืออับราฮัม ลินคอล์นใช่ไหม?”

“คุณก็คือจอห์น วิลค์ส บูธ เช่นกัน” ฉันเสริม

“ฉันคือฮิตเลอร์เหรอ” คุณพูดด้วยความตกตะลึง

“และคุณคือคนที่เขาฆ่าไปนับล้าน”

“ฉันคือเยซูใช่ไหม?”

“และคุณคือทุกคนที่ติดตามเขา”

คุณเงียบไป............

ฉันพูดว่า “ทุกครั้งที่คุณทำร้ายใคร คุณก็กำลังทำร้ายตัวเอง การกระทำอันแสนดีที่คุณทำ คุณก็ทำกับตัวเองเช่นกัน ช่วงเวลาแห่งความสุขและความเศร้าที่มนุษย์ทุกคนเคยประสบมา คุณก็เคยประสบหรือกำลังจะประสบมา”

คุณหยุดคิดเนิ่นนาน...

คุณถามฉันว่า “ทำไม” “ทำไมถึงทำอย่างนี้”

“เพราะสักวันหนึ่งเธอจะกลายเป็นเหมือนฉัน เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเป็น เธอคือคนประเภทเดียวกับฉัน เธอคือลูกของฉัน”

“โอ้โห” คุณพูดอย่างไม่เชื่อ “คุณหมายความว่าฉันเป็นพระเจ้าเหรอ”

“ยังไม่ถึงเวลานั้น คุณยังอยู่ในครรภ์มารดา คุณยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต เมื่อคุณใช้ชีวิตมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัยแล้ว คุณจะเติบโตเพียงพอที่จะเกิดมาได้”

“ทั้งจักรวาล” คุณพูด “มันก็แค่…”

“ไข่” ฉันตอบ “ถึงเวลาที่เธอจะไปสู่ชีวิตต่อไปแล้ว”

Image link

แล้วฉันก็ส่งคุณไปตามทางของคุณ

(เรื่องสั้นของแอนดี้ เวียร์ เรื่อง “ไข่” เวียร์เป็นนักเขียนนวนิยายชาวอเมริกันและอดีตโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์)

Image link

9 เดือนในรังไข่ ที่แม่หล่อเลี้ยงฟูกฟักวิญญาณที่ฝังอยู่ในเซลล์เล็กๆ
โลกก็คือไข่ที่กำลังฟูมฟักสร้างประสบการณ์ให้วิญญาณในร่างเนื้อหนัง
พระเจ้าที่กำลังพูดกับเรา ก็คือตัวเราในมิติที่สูงกว่า
สวรรค์ ก็คือปัจจุบันที่เราเป็น
นรกก็เช่น เราสร้างขึ้นเองเป็นเอง อันเป็นปัจจุบัน
มันอาจยากที่เข้าใจ แต่หากพยายามเข้าใจ มันจะเป็นทางลัดประสบการณ์วิญญาณแก่เราในชาตินี้มากๆ
ย้อนกลับมานึกภาพวงแหวนทอรัส
" พลังงานถูกดึงจากจุดศูนย์ ขึ้นด้าน วนออกด้านข้างผ่านแรงสนามบิด แล้วถูกดูดจากสนามศูนย์ด้านล่างขึ้นด้านบนอีกครั้ง "
วนซ้ำอยู่เช่นนี้ ในทุกรอบของการวนซ้ำ วิญญาณถูกยกระดับพลังงานจากประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น สะท้อนออกไปในโฮโลแกรมกระแสน้ำวนอีกเป็นจำนวนอนันต์ 

Image link
Related Posts
Leave a Reply

Your email address will not be published.Required fields are marked *