EMF คืออะไร?
Electromagnetic Field (EMF) หรือสนามเหล็กไฟฟ้า คือสนามทางกายภาพ ที่เกิดจากความต่างศักดิ์ของประจุไฟฟ้า 2 แหล่ง ทำให้เกิดคลื่นเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดไปในทุกทิศทางอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด สนามแม่เหล็กไฟฟ้านี้แยกได้เป็นสนามแม่เหล็ก (magnetic field) กับสนามไฟฟ้า (electric field) ซึ่งทั้ง 2 สนามจะวางตัวตั้งฉากกัน EMF เป็นสิ่งที่พบอยู่รอบตัวเราในชีวิตประจำวัน และคนทุกคนต้องมีโอกาสได้สัมผัส ที่พบบ่อยที่สุด คือสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่รอบสายไฟฟ้า ทั้งจากเสาไฟฟ้าทั่วไปและเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง สนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าทั่วไปซึ่งมีกำลังไฟฟ้า 8 – 24 kV จะน้อยกว่าจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงซึ่งมีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 765 kV เลยทีเดียว สำหรับภายในบ้านก็มีการสัมผัส ELF-EMF ได้เช่นกัน ส่วนใหญ่มาจากสายไฟภายในบ้าน และบางส่วนส่งออกมาจากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นหม้อแปลง โทรทัศน์ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องเป่าผม เครื่องผสมอาหาร คอมพิวเตอร์ หรือรถจักรยานยนต์ มีรายงานการศึกษาวิจัยหลายฉบับ พบว่าการสัมผัสสนามแม่เหล็กไฟฟ้า EMF โดยตรงอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพขึ้นได้ในหลายระบบ
เส้นลมปราณ (Meridian Channel) คืออะไร?
เส้นลมปราณคือช่องทางที่มีพลังภายในร่างกาย เชื่อมโยงกับการไหลเวียนของพลังงานหรือชี่ภายในร่างกาย เป็นเส้นทางที่พลังงานไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงและรักษาร่างกาย เส้นปราณเชื่อมต่อกับอวัยวะ ต่อม และเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย เป็นเส้นทางที่ส่งผ่านพลังงานระหว่างกัน

ระบบเส้นลมปราณ หรือ ระบบจิงลั่ว 经络系统 (Meridian System) เป็นเครือข่ายของเส้นลมปราณ มีหน้าที่ลำเลียง และควบคุมกำกับการไหลเวียนของเลือดและชี่ในเส้นลมปราณให้เป็นระบบ เพื่อหล่อเลี้ยงทุกพื้นที่ของร่างกาย รวมถึงเชื่อมโยงอวัยวะต่างๆให้ทำงานสอดคล้องและสมดุลกัน หากจะอธิบายให้เห็นภาพ เส้นลมปราณคงเหมือนระบบเครือข่าย(network) ที่เชื่อมโยงภายในระหว่าง อวัยวะตันทั้ง 5 (five Zang viscera) อวัยวะกลวงทั้ง 6 (six Fu viscera) ภายในร่างกายกับผิวหนัง กล้ามเนื้อของลำตัว ศีรษะ แขนขา และนิ้วมือ โดยเส้นลมปราณในร่างกายมีปลายทางต่างกัน สังกัดอวัยวะต่างกัน และความตื้นลึกต่างกัน EMFจะปล่อย"ประจุบวก" ที่เป็นอันตราย ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่เส้นลมปราณต้องการคือ"ประจุลบ" หรือเรียกอีกอย่างว่าพลังงานชี่ ชี่จะสร้างสมดุลหยินและหยางที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนั้น EMF จึงส่งผลกระทบต่อการขัดขวางการไหลของเส้นลมปราณของเราโดยตรง
ระบบเส้นลมปราณ
เส้นลมปราณขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า “เส้นลมปราณต้น หรือ จิง (经)” จะมีจุดเริ่มต้นจากอวัยวะ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ละเส้นจะมีวิถีการไหลเวียนและจุดสิ้นสุดเฉพาะของตนเอง วิถีเส้นลมปราณมักอยู่ลึกใต้ผิวหนังหรือในชั้นกล้ามเนื้อ ทอดไปตามแนวยาวของแขนขาและลำตัว และผ่านไปตามอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย
ส่วนเส้นลมปราณขนาดเล็กกว่า เรียกว่า “เส้นลมปราณย่อย หรือ ลั่ว (络)” เป็นเส้นลมปราณที่แยกหรือแตกแขนงออกมาจากเส้นลมปราณต้น ไปยังผิวหนังและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่อยู่ในแนววิถีการไหลเวียนของเส้นลมปราณต้นของตน เพื่อเสริมการทำงานของเส้นลมปราณต้นให้กว้างขวางและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
โดยทั้งเส้นลมปราณต้นและเส้นลมปราณย่อย จะแตกแขนงเชื่อมโยงกันคล้ายร่างแห ครอบคลุมทุกส่วนของร่างกาย
หน้าที่ของเส้นลมปราณ
- เป็นระบบทางไหลเวียนของเลือดและชี่ เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย
- ควบคุมและปรับสมดุลการไหลเวียนของเลือดและชี่ในร่างกาย
- เชื่อมโยงอวัยวะและเนื้อเยื่อทุกส่วนของร่างกาย ให้ทำงานสอดคล้องสัมพันธ์กัน
- เป็นระบบติดต่อระหว่างร่างกายกับสิ่งแวดล้อม
- ปรับการทำงานของร่างกายให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม รวมถึงปกป้องร่างกายจากเหตุแห่งโรคภายนอก
- เป็นช่องทางในการรักษาอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย
อวัยวะแต่ละส่วนของเรามีเส้นลมปราณที่สอดคล้องกัน และเมื่อเส้นลมปราณนั้นอยู่ในภาวะสมดุล เส้นลมปราณจะส่งประจุลบที่ดีต่อสุขภาพไปยังอวัยวะที่เกี่ยวข้อง เมื่อบุคคลนั้นอยู่ในสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น 5G การไหลของพลังงานในเส้นลมปราณจะถูกรบกวนโดยประจุบวกของ 5G และส่งผลให้การทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ หยุดชะงักไปด้วย การไหลของพลังงานในเส้นลมปราณไปยังอวัยวะต่างๆ อาจได้รับผลกระทบในทางลบจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ความทุกข์ทรมานทางอารมณ์ และปัญหาทางพันธุกรรม
หากอวัยวะที่ทำหน้าที่ส่งพลังงานในร่างกายอ่อนแอ อาจเป็นตับ หัวใจ หรือไตก็ได้ หากการไหลเวียนของพลังงานไปยังตับอ่อนแอกว่าปกติ สถานะพลังงานโดยรวมของตับอาจต่ำกว่าระดับที่จำเป็น ส่งผลให้การทำงานของตับผิดปรกติและยังสะท้อนไปถึงระบบอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกับตับด้วย
การทดสอบเส้นปราณ :
เส้นลมปราณมีจุดเริ่มต้นที่ปลายนิ้วและเท้า และจุดสิ้นสุดที่อวัยวะสำคัญ มีหลายวิธีในการแสดงสถานะพลังงานของเส้นลมปราณให้กับอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น การแพทย์แผนจีน กายวิภาคศาสตร์ผ่านการตรวจสอบเส้นลมปราณ อุปกรณ์ Bioresonace, การถ่ายภาพเคอร์เลียน และด้วยเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่แม่นยำมาก เช่น ไบโอเทนเซอร์และเสาอากาศเลเชอร์ อย่างไรก็ตาม เครื่องวัด EMF ไม่สามารถตรวจจับพลังงานเหล่านี้ได้


“EMF ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร”
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนอาจตอบคำถามนี้ได้หลายวิธี เช่น บางคนพูดถึงผลเสียต่อไมโตคอนเดรีย บางคนให้ความเห็นเกี่ยวกับระดับออกซิเจน และบางคนอ้างถึงงานวิจัยที่พบว่ากลุ่มเซลล์มะเร็งมีแหล่งกำเนิดจาก EMF เช่น เสาโทรศัพท์มือถือ ไฟถนน 5G หรือสายไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ใกล้เคียง แม้ว่าความเห็นทั้งหมดเหล่านี้จะถูกต้องในระดับที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เราต้องเข้าใจด้วยก็คือ EMF รบกวนการไหลของพลังงานในเส้นลมปราณของเราโดยตรง

Zero Coil ช่วยได้หรือไม่?
หากติดตั้งเครื่องกำเนิดพลังชีวิตขยายความถี่ Zero Coil ที่มีศักยภาพสร้างสนามศูนย์ ปรับค่าสนามแม่เหล็กให้เป็นกลาง และเพิ่มประจุลบแก่กาวอากาศในสถานที่ และยังขยายคลื่นความถี่อันเป็นประโยชน์หลากกหลายจากความถี่ที่เลือกใช้ จึงสร้างสนามพลังงานสมดุลยิ่งยวดแก่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสถานที่โดยรอบ EMF ปล่อยประจุบวกที่อันตราย เช่น รอยแยกบนโลก เราเตอร์ Wi-Fi หรือ 5G จะถูกแทนที่ด้วยความถี่ประจุลบที่เหมาะสม ซึ่งหมายความว่าระบบลมปราณของร่างกายจะไม่ได้รับผลกระทบอีกต่อไป ประจุพลังงานที่ Zero Coil ขยายความถี่และปลดปล่อยออกมา สอดคล้องกับสนามชีวภาพของมนุษย์ และพลังงานตรงตามความต้องการของเส้นลมปราณ ทำให้มั่นใจได้ว่าการทำงานของอวัยวะต่างๆ อันเป็นผลจากพลังงานชี่ จะยังคงอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลพึ่งพาอาศัยกัน
การสวมจี้ป้องกันส่วนบุคคล Zero Coil ช่วยปกป้อง EMF และพลังงานเชิงลบ รวมถึงการจู่โจมทางจิตทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งในขณะที่คุณอยู่นอกบ้านหรือภายในบ้าน ส่งผลสนับสนุนเสริมความแข็งแรงให้เส้นลมปราณทั้งระบบตลอดเวลา


กราฟพลังงานเส้นเมอริเดียนที่สร้างด้วยอุปกรณ์ Biofeedback แสดงให้เห็นว่าเส้นลมปราณของเราได้รับผลกระทบจาก EMF อย่างไร ในกรณีนี้คือโทรศัพท์มือถือ (แถบสีน้ำเงิน) และผลกระทบที่อาจดีขึ้นต่อเส้นลมปราณโดยใช้ Zero Coil (แถบสีแดง)